วันอังคารที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2561

4.ทอตนัมฮอตสเปอร์

4.สโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์

Tottenham Hotspur

ประวัติของสโมสร

ยุคก่อตั้งสโมสร (1882-1898)


อาเทอร์ กริมส์เดล กัปตันทีมของสเปอร์ในปี ค.ศ. 1921
สโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1882 โดยใช้ชื่อ ฮอตสเปอร์ เอฟซี มีสนามประจำสโมสรคือ ทอตนัม มาร์เชส แต่แล้วในปี ค.ศ. 1897 สนาม ทอตนัม มาร์เชส ได้ถูกระงับการใช้งานอย่างถาวร เนื่องจากเกิดปัญหาสงครามโลกขึ้น โดย ฮอตสเปอร์ เอฟซี ได้เช่าบริเวณย่านเมือง นอททัมเบอร์แลนด์ และขอเช่าสนาม นอททัมเบอร์แลนด์ พาร์ค เป็นเวลา 8 ปี ก่อนที่จะย้ายไปยังสนาม ไวต์ฮาร์ตเลน สนามประจำสโมสรในปัจจุบัน โดยสโมสรแห่งนี้เล่นในลีกทางใต้ของ ประเทศอังกฤษ ซึ่งได้แชมป์ของลีกทางใต้ 1 สมัยในปี ค.ศ. 1900 จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1908 ฮอตสเปอร์ เอฟซี ได้ย้ายไปเล่นใน ฟุตบอลลีกดิวิชั่น 2 ของ ประเทศอังกฤษ โดยก่อนหน้านั้น สเปอร์ได้แชมป์ เอฟเอคัพ ถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในการแข่งฟุตบอลใน ประเทศอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1901 ทั้งที่ยังเป็นทีมสมัครเล่นอยู่ และในปี ค.ศ. 1908 สเปอร์ก็ได้รองแชมป์ ฟุตบอลลีกดิวิชั่น 2 ซึ่งนักฟุตบอลชื่อดังของสเปอร์ในสมัยนั้นคือ อาเทอร์ กริมส์เดล กัปตันทีมของสเปอร์

ยุคทองแห่งความสำเร็จ (1949-1981)

แล้วหลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1949 ฮอตสเปอร์ เอฟซี ได้เปลี่ยนชื่อเป็น ทอตนัมฮอตสเปอร์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์และชื่อประจำเมืองในถิ่น ไวต์ฮาร์ตเลน โดยในช่วงนั้นมีผู้จัดการทีมชื่อ อาเทอร์ โรเวย์ ผู้จัดการทีมชาว อังกฤษ นำทีมสเปอร์ขึ้นมาเล่นใน ฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 ของ ประเทศอังกฤษ ได้สำเร็จ โดยในช่วงเดียวกันนั้นสเปอร์ได้แชมป์ลีกดิวิชั่น 1 ในฤดูกาล 1950-51 และ หลังจากนั้นในฤดูกาล 1960-61 ในยุคของ บิล นิโคลสัน ตำนานของ ทอตนัมฮอตสเปอร์ ได้กลับเข้ามาคุมทีมอีกครั้ง หลังจากยกเลิกการเล่นฟุตบอลไปแล้ว โดยเขาได้นำทีมสเปอร์เป็นรองแชมป์ดิวิชั่น 1 2 ครั้ง, แชมป์ เอฟเอคัพ 3 สมัย, ฟุตบอลลีกคัพ 1 สมัย, เอฟเอคอมมูนิตีชีลด์ 3 สมัย และ ในระดับบอลถ้วยยุโรปเขาก็นำทีมสเปอร์ เป็นแชมป์ ยูฟ่าคัพ (ยูโรป้า ลีก ในปัจจุบัน) 1 สมัย และ แชมป์ ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ 1 สมัย ซึ่งในช่วงยุคนั้นเป็นยุคที่สเปอร์ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก หลังจากยุคของ นิโคลสัน แล้วนั้น สเปอร์ก็ยังเล่นได้อยู่ในระดับที่มีความสามารถพอดี โดยสามารถสู้กับทีมใหญ่ๆได้ โดยในช่วงปี ค.ศ. 1981 และ ค.ศ. 1982 สเปอร์เป็นแชมป์ เอฟเอคัพ 2 สมัยติดกันในช่วงยุคของ คีธ เบอร์คินชอว์ และเขายังนำสเปอร์ได้แชมป์ ยูฟ่าคัพ ซึ่งเป็นแชมป์ 2 สมัย ของสโมสร

ยุคแห่งความมั่นคงของสโมสร (1982-ปัจุจบัน)


สเปอร์เป็นแชมป์ ลีกคัพ เมื่อปี ค.ศ. 2008
หลังจากยุคปี 2000 สเปอร์ก็ยังเล่นในลีก พรีเมียร์ลีก (ดิวิชั่น 1 เดิม) ได้อย่างมั่นคง และส่วนใหญ่มักจะอยู่ในอันดับต้นๆของตาราง ซึ่งส่วนมากจะจบในอันดับที่ 5 เป็นส่วนใหญ่ โดยมีผู้จัดการทีมหลายคนในช่วงนั้น ซึ่งมี เกล็น ฮอดเดิลฌัก ซ็องตีนีมาร์ติน โยลฆวนเด รามอส และ ปัจจุบันอยู่ภายใต้การคุมทีมของ แฮร์รี เรดแนปป์ กุนซือของชาว อังกฤษ โดย ในปี ค.ศ. 2008 ในยุคของ ฆวนเด รามอส สเปอร์ได้แชมป์ ฟุตบอลลีกคัพ ด้วยการชนะ สโมสรฟุตบอลเชลซี ไป 2-1 หลังต่อเวลาพิเศษ และ จบอันดับที่ 5 ได้ไปเล่น ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ต่อมา ฤดูกาล 2008-09 เมื่อสโมสรได้ซื้อ กองหน้า ตัวเก่งชาว อังกฤษ อย่าง เจอร์เมน เดโฟ จากพอร์ทสมัท และ ร็อบบี คีน จากลิเวอร์พูลมาเสริมความแกร่งของแนวรุกมากขึ้น ซึ่งนัดแรกสเปอร์บุกไปแพ้ มิดเดิลสโบรไป 2-1 และ 7 นัดต่อมา ก็มาชนะครั้งแรกได้ในบ้านของตน ด้วยการอัดโบลตันไป 2-0 และต่อมาเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 2008 สเปอร์ได้ปลด ฆวนเต รามอส ออกจากผู้จัดการทีม และ แต่งตัง แฮร์รี เรดแนปป์ เป็นผู้จัดการทืมไปจนจบฤดูกาล ซึ่งเรดแนปป์นำทีมสเปอร์ไปสู่รอบรองชิงชนะเลิศ ฟุตบอลลีกคัพ กับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ได้ แต่ก็ต้องพ่ายจุดโทษไป 4-1 (หลังเสมอ 0-0) และจบอันดับ 8 เมื่อขึ้นฤดูกาลใหม่ 2009-10 เรดแนปป์ได้เสริมนักเตะใหม่โดยการถึง ปีเตอร์ เคราช์ จากพอร์ทสมัท กับ ไคล์ วอล์กเกอร์ จากเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด มาเสริมความแกร่งและการรุกของสโมสรให้คมมากขึ้น เพื่อทดแทนการเสีย ดาเรน เบนท์ อดีตดาวซัลโวของสโมสรเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งนัดแรกเปิดบ้านเฉือนชนะลิเวอร์พูลไปได้ 2-1 และจบอันดับที่ 4 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่สเปอร์จบในอันดับทีได้ไปเล่นถ้วย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นับตั้งแต่ ฤดูกาล 1961-62

เรดแนปป์ นำสเปอร์ไปเล่น ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ได้ในปี ค.ศ. 2011 นับตั้งแต่ฤดูกาล 1961-62
ฤดูกาล 2010-11 สเปอร์ได้ซื้อ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท กองกลางจากเรอัลมาดริด และ ซานดรู ราเนียเร มิดฟิลด์แนวรุกชาวบราซิล มาเสริมทัพ โดยคราวนี้สเปอร์ได้ไปเล่น ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ซึ่งในรอบเพลย์ออฟชนะ บีเอสซี ยอง บอยส์ ไป 6-3 (รวม 2 นัด) และทะลุเขาไปในรอบแบ่งกลุ่มโดยได้อยู่สายเดียวกับ อินเตอร์ มิลานทเวนเต และ แวร์เดอร์ เบรเมน ซึ่งสเปอร์และอินเตอร์มิลาน ได้เป็นแชมป์และรองแชมป์กลุ่มตามลำดับ และต่อมาในรอบ 16 ทีม ได้ชนะ เอซี มิลาน ไป 1-0, รอบ 8 ทีมสุดท้ายแพ้ เรอัล มาดริด ไป 4-1 จึงตกรอบไป และต่อมาใน พรีเมียร์ลีก นัดแรกสเปอร์ได้เสมอแมนเชสเตอร์ซิตี ไป 0-0 และนัดถัดมาบุกไปเฉือนชนะสโตกซิตี ได้ 2-1 โดยดาวซัลโวของสโมสรในฤดูกาลนี้คือ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ที่ทำประตูได้ 15 ประตู และนำทีมจบในอับดับที่ 5 ไปเล่น ยูโรปาลีก
ผลงานล่าสุดในฤดูกาล 2011-12 จากการซื้อนักเตะที่มีประสิทธิภาพและความสามารถของแฮร์รี เรดแนปป์ ได้นำพาทีมสเปอส์คว้าพรีเมียร์ลีก อันดับที่ 4 ซึ่งเป็นครั้งที่สองในการนำทีมสเปอร์จบอันดับ 4 ซึ่งจะมีโอกาสไปเล่นใน ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก มากขึ้น
แต่แล้วการตัดสินใจในการเซ็นสัญญาฉบับใหม่ของเรดแนปป์ก็ไม่เข้าที่เข้าทางสักที แฮร์รี เรดแนปป์ จึงได้ลาออกจากสโมสร และต่อมาไม่ถึง 2 เดือน ทางคณะบอร์ดบริหารได้แต่งตั้ง อังเดร วิลลัช-โบอัช ผู้จัดการทีมชาว โปรตุเกส เป็นผู้จัดการทีม

ตราสัญลักษณ์ของสโมสร

ตราสัญลักษณ์ของสโมสรทอตนัมฮอตสเปอร์เป็นรูปไก่ตัวผู้ที่มีเดือยแหลมคมเหยียบลูกฟุตบอล จึงได้ฉายาในภาษาไทยว่า "ไก่เดือยทอง" ตราสัญลักษณ์นี้มีที่มาจากนัดชิงชนะเลิศเอฟเอคัพในปี 1901 เมื่อแฮร์รี เพอร์ซี ฮอตสเปอร์ บุคคลที่เชื่อกันว่าทางสโมสรได้นำนามสกุลของเขาตั้งขึ้นเป็นชื่อสโมสร ใส่รูปไก่ตัวผู้ลงไปในตราสัญลักษณ์เพื่อให้ผู้เล่นเกิดความฮึกเหิม ต่อมาอีก 8 ปี วิลเลียม เจมส์ สก๊อต อดีตผู้เล่นของสโมสรได้ทำรูปหล่อสำริดไก่ตัวผู้เหยียบลูกฟุตบอลขึ้นมา จึงได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของสโมสรนับตั้งแต่บัดนั้น
โดยสัญลักษณ์รูปนี้ได้ทำการปรับเปลี่ยนมาหลายครั้งในหลายยุคสมัย โดยในยุคทศวรรษที่ 1920 เป็นรูปลักษณ์ที่เรียบ ๆ ต่อมาสมัยก็มีรูปลูกโลกรวมถึงสิงโตคู่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลนอร์ททัมเบอร์แลนด์ของแฮร์รี ฮอตสเปอร์ ทั้งปราสาทบรูซซึ่งตั้งอยู่ใกล้สนามไวท์ฮาร์ทเลน รวมทั้งต้นไม้ 7 ต้น สื่อถึงเซเวนซิสเตอร์ส์ ย่านหนึ่งในลอนดอนเหนือที่ตั้งของสโมสรด้วย พร้อมคติภาษาละตินที่ว่า "Audere Est Facere" (จงกล้าที่จะทำ) ต่อมาในยุคทศวรรษที่ 1980 ได้ตัดรายละเอียดต่าง ๆ ออกไป เหลือเพียงไก่กับสิงโตและคติภาษาละตินเท่านั้น
โดยสัญลักษณ์แบบปัจจุบันเกิดขึ้นในปี 2006[2]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น